CFA
การทำงานสายเงินในประเทศไทย License CFA/CISA เป็น Requirement อันดับแรกๆสำหรับผู้ต้องการเข้ามาทำงานสายนี้ กฎเกณฑ์ล่าสุดของสำนักงานกลต.คือว่า
- นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ต้องมี CFA/CISA ระดับที่ 1 + ประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้องเป็นเวลา 1 ปี
- นักวิเคราะห์อนุพันธุ์ต้องมี CFA/CISA ระดับที่ 2 + ประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้องเป็นเวลา 1 ปี
- ผู้จัดการกองทุนต้องมี CFA/CISA ระดับที่ 1 + ประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้องเป็นเวลา 2 ปี หรือสอบ CFA ครบทั้ง 3 ระดับ
- ส่วน IB, Trader ทั้งหลายยังไม่มี Requirement เรื่อง CFA ครับ
เนื่องจากความรู้ทางการเงินพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับการแข่งขันในการหาเงินในตลาดเงิน, ตลาดทุนมีสูงขึ้น เนื่องจากเป็นอาชีพที่ทำเงินได้มาก ถ้ามีความสามารถทำให้คนทำงานสายการเงินรุ่นใหม่ๆสอบ CFA เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลล่าสุดประเทศไทยมีคนสอบ CFA ครบ 3 ระดับประมาณ 350 คน (ปี 2552) เทียบกับปี 2548 ที่มีคนสอบครบ 3 ระดับไม่ถึง 100 คน
นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่นักการเงินเลือดใหม่ไฟแรงทั้งหลายสอบ License อื่นๆนอกเหนือจาก CFA เพื่อยกระดับความรู้, ความสามารถ ตลอดจนสร้างชื่อเสียงและการยอมรับให้ตัวเอง
ในประเทศไทย License อื่นๆที่นอกเหนือจาก CFA ที่มีคนเริ่มนิยมมีประมาณนี้นะครับ
FRM
ชื่อเต็มๆคือ Financial Risk Manager จัดสอบโดยสถาบัน Global Association of Risk Professional จัดสอบปีละ 1 ครั้งประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน ปัจจุบันค่อนข้างเป็นที่นิยมมาก เป็นรองแค่ CFA
- มี 2 Level ค่าสอบ 650 USD สำหรับ Level 1 และ 350 สำหรับ Level 2 ในกรณี Early registration
- เนื้อหาเน้นเรื่องของการบริหารความเสี่ยง,การลงทุน ตลอดจนการ Valuation ตราสารต่างๆ
- FRM license สามารถนำไปขึ้นทะเบียนนักวิเคราะห์หลักทรัพย์/อนุพันธุ์ได้ (เทียบเท่ากับ CFA level 2)
- ระดับความยากเทียบประมาณ CFA level 2 (บางคนบอกยากกว่า) ซึ่งเนื้อหาจะมีการคำนวนและมี Quantitative model เยอะ แต่ทั้งนี้ Pass rate แต่ละปีค่อนข้างสูง (40-50%)
รายละเอียดสามารถเข้าดูได้ที่ WWW.GARP.COM
PRM
ชื่อเต็มๆคือ Professional Risk Manager จัดสอบโดยสถาบัน Profession Risk Managers’ International Association (PRMIA) เป็นการสอบแบบ Computer base โดยใช้ศูนย์สอบของ Pearson vue ซึ่งสอบได้ตลอดทั้งปี เป็นคู่แข่งโดยตรงของ FRM โดยเดิมทีเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง FRM และแยกตัวออกมา ปัจจุบันเป็นพันธมิตรกับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง และสามารถ Cross over การสอบบางหัวข้อได้ (หรือ Waive ไม่ต้องสอบนั่นเอง) หากผู้สมัครสอบผ่าน CFA, CAIA ในหมดวิชาที่เกี่ยวข้องกัน
- มี 4 หมวด ค่าสอบหมวดละ 50 USD โดยสามารถเลือกเก็บทีละหมวดได้ (คล้ายๆ CISA)
- เนิ้อหาเน้นเรื่องคณิตศาสตร์, การบริหารความเสี่ยงและ Case studies ต่างๆเป็นหลัก
- ปัจจุบันยังไม่สารถนำไปขึ้นทะเบียน License กับสำนักงานกลต.ได้
- ความยากใกล้เคียงกับ FRM โดยเนื้อหาโดยรวมจะมีบางส่วนที่ลึกกว่า แต่ความกว้างของเนื้อหาไม่เท่า FRM โดย Pass rate ประมาณ 50-60%
รายละเอียดสามารถดูได้ที่ WWW.PRMIA.ORG
CAIA
ชื่อเต็มๆคือ Chartered Alternative Investment Association จัดสอบโดยสถาบัน CAIAจัดสอบปีละ 2 ครั้งในช่วงเดือนมีนาคมและกันยายน โดยจะสอบที่ศูนย์สอบ Pearson ที่ตึก BB Tower อโศกปัจจุบันเริ่มเป็นที่นิยมในประเทศไทย โดยปัจจุบันอัตราการเติบโตของผู้สอบผ่าน CAIA ทั่วโลกสูงที่สุด
- มี 2 Level ค่าสอบค่อนข้างสูงโดย Level 1 ค่าสอบ 1,500 USD และ 1,000 USD สำหรับ Level 2
- เนื้อหาเน้นเรื่องการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภท Hedge funds, Real estates, Private equities, Commodities, Derivatives ต่างๆ
- ปัจจุบันยังไม่สารถนำไปขึ้นทะเบียน License กับสำนักงานกลต.ได้ แต่สำหรับต่างประเทศผู้ที่จะก้าวเข้าทำงานใน Hedge fund นิยมสอบ
- ความยากจะค่อนข้างง่ายกว่า CFA ในระดับเดียวกัน แต่เกณฑ์การวัดผ่านจะเข้มงวดกว่า และไม่มีการปูพื้นเนื้อหา ดังนั้นผู้สอบจึงควรมีพื้นความรู้ด้านการเงินอยู่แล้วพอสมควร Pass rate อยู่ที่ประมาณ 60% สำหรับ Level 1 และ 50% สำหรับ Level 2
รายละเอียดสามารถดูได้ที่ WWW.CAIA.ORG
CFP
ชื่อเต็มๆคือ Certified Financial Planner จัดสอบโดยสมาคมนักวางแผนการเงินไทย โดยสามารถเช็คตารางสอบได้จาก WWW.TSI-THAILAND.ORG และ WWW.TFPA.OR.TH ปัจจุบันได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากพอสมควร
- มี 4 Modules โดยค่าสอบ Module ละ 2,000 – 3,000 บาท โดยต้องผ่านการอบรมจากหน่วยงานที่สมาคมนักวางแผนการเงินไทยให้การรับรองก่อน (เช่น NIDA) ค่าอบรมแพงกว่าค่าสอบพอสมควร ยกเว้นถ้าผ่าน CFA/CISA level 3 แล้วสามารถสอบได้เลย ล่าสุด หากผ่านการศึกษาในวิชาที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปยกเว้นการอบรมได้
- เนื้อหาเน้นเรื่องการวางแผนทางการเงินเพื่อการเกษียณอายุ, การวางแผนภาษีตลอดจนผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ
- CFP license สามารถนำไปขึ้นทะเบียนนักวิเคราะห์หลักทรัพย์/อนุพันธุ์ได้ (เทียบเท่ากับ CFA level 2)
- เนื้อหาไม่ยากนักเทียบกับ 3 Licenses ข้างต้นเนื่องจากไม่ได้เน้น Quantitative มากนักแต่มีเรื่องของรายละเอีดต่างๆค่อนข้างมาก และต้องเข้าอบรมก่อนสอบ
รายละเอียดสามารถดูได้ที่ WWW.TSI-THAILAND.ORG และ WWW.TFPA.OR.TH
นอกจากนี้ยังมี License อื่นๆเช่น CMT, CFQ, CIPM, ERP ฯลฯ แต่ปัจจุบันยังไม่เป็นที่นิยมในบ้านเรานัก ถ้ามีคนอยากรู้จะมา Update ต่อทีหลังครับ
คำถามที่ได้รับบ่อยคำถามหนึ่งเลย คือ ปัจจุบันมีคนได้ Licenses ต่างๆเหล่านี้ครบไหม? จากประสบการณ์ของผู้เขียนพบว่าในประเทศไทยมีคนหนึ่งที่ได้เกือบครบทุกๆ Licenses (ทำงานเมืองไทย แต่ไม่ใช่คนไทย) กล่าวคือมีชื่อตามท้ายด้วย CFA, CAIA, FRM, PRM และเริ่มมีหลายๆคนที่มีชื่อตามท้ายด้วย CFA, FRM, CAIA หรือ CAIA, FRM, PRM หรือ CFA, FRM, PRM ส่วนที่ตามท้ายด้วย CFA, FRM มีมากแล้วครับ
ถ้าถามต่อว่า Licenses พวกนี้สำคัญต่อการทำงานแค่ไหน ซึ่งก็ต้องบอกว่า Licenses บางตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง CFA เป็นกุญแจที่จะเปิดบานประตูสู่วิชาชีพทางการเงิน แต่เมื่อทำงานแล้วประสบการณ์, ความรับผิดชอบ, การตัดสินใจตลอดจนความสามารถด้านอื่นๆย่อมมีผลต่อการทำงานมากกว่า
แต่การแข่งขันที่มากขึ้นเรื่อยๆ การสอบ Licenses ต่างๆนี้ไว้ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้สอบเองเพราะจะช่วยเพิ่มทั้งความรู้ และการยอมรับจากคนรอบข้าง จะเห็นได้ว่ามีคนรุ่นใหม่ๆที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วหลายๆคนมี Licenses ต่างๆเหล่านี้มากกว่า 1 License ครับ
ขอให้โชคดีในการสอบและ Work & Life balance นะครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
สวัสดีครับ ผม
ตอบลบก่อนอื่นขอขอบคุณบล็อคอันนี้นะครับ ผมว่ามีประโยชน์มากเลยทีเดียว เพราะว่าผมเองก็สนใจจะสอบ FRM อยู่น่ะครับ โดยผมได้เข้าไปดูที่ทางเว็บไซท์ของ GARP แล้วพบว่าตอนนี้เค้าเปิดรอบเดือน May ที่ศูนย์สอบประเทศไทยด้วยน่ะครับ
ผมรบกวนถามคุณเจ้าของบล็อค เกี่ยวกับข้อสอบน่ะครับ คือ พอรู้ว่า CFA น่ะมีทั้ง Choice และ เติมคำตอบ CAIA มีเฉพาะ choice ใน level I ส่วน level II มีทั้ง Choice และ เติมคำตอบ แต่ส่วนของ FRM เนี่ยตัวข้อสอบเป็นอย่างไรหรอครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
FRM (สมัยที่ผมสอบ) เป็น Multiple choices ครับ ส่วนตัวอย่างข้อสอบ คุณจะได้รับเป็นไฟล์หลังจากที่สมัครสอบครับ
ตอบลบ